ยักษ์แห่งคาร์ดิฟฟ์ (Cardiff Giant)
วันที่ ๑๖ ตุลาคม ค.ศ. ๑๘๖๙ เกิดข่าวใหญ่ในเมืองคาร์ดิฟฟ์ รัฐนิวยอร์ก เมื่อคนงานได้ขุดพบ ยักษ์หินขนาด ๑๐ ฟุต
น่าเสียดายที่มันไม่ใช่ของจริง!
จอร์จ ฮัลล์ ผู้ที่ไม่ค่อยเชื่อในคริสต์ศาสนา นึกอยากจะล้อเลียนชาวคริสต์นิกายเมธอดิสต์ที่มักจะยกเอาประโยคจากคัมภีร์เก่าอย่างเช่น เจเนซีส ๖:๔ ที่เริ่มต้นว่า ครั้งหนึ่งโลกใบนี้เคยมียักษ์เดินไปมาในพิภพ เขาจึงจ้างคนงานในไอโอว่า แกะสลักยิบซั่มเป็นบล็อก ๑๐ ฟุต โดยบอกว่าจะทำเป็นรูปอนุสาวรีย์อับราฮัม ลินคอล์น แล้วส่งไปชิคาโก้ จ้าง เอ็ดเวิร์ด เบิร์คฮารด์ท ช่างตัดหินชาวเยอรมันเป็นคนแกะหินให้เป็นรูปคน โดยขอให้เก็บไว้เป็นความลับ
หลังจากใช้กรดและวัตถุอื่นๆ มาย้อมหินให้ดูเป็นของเก่าแก่มากประสบการณ์แล้ว ยังเอาพวกเหล็กที่ทำให้มีปุ่มแหลมๆ มาตีอีก เพื่อจะให้เป็นผิวสัมผัสคล้ายคลึงกับคน และในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. ๑๘๖๘ เขาก็ขนย้ายยักษ์หินไปที่ไร่ของวิลเลี่ยม เนเวลล์ ญาติของเขาเพื่อฝังกลมเอาไว้
และเกือบปีถัดมาวิลเลี่ยม เนเวลล์ จ้าง กีเดียน เอ็มมอนส์ และ เฮนนี่ นิโคลส์ ให้ขุดบ่อในไร่นั้น และในวันที่ ๑๖ ตุลาคม ค.ศ. ๑๘๖๙ ทั้งคู่ก็ต้องตะลึงเมื่อชุดพบซากของสิ่ง(ที่พวกเขาคิดว่า)มีชีวิต ซึ่งในตอนแรกพวกเขาคิดว่าได้พบซากศพของชาวอินเดียนแดงโบราณเข้าให้แล้ว
วิลเลี่ยม เนเวลล์ นำยักษ์หินมาเปิดให้คนทั่วไปชมโดยคิดราคาค่าชม ๒๕ เซ็นต์ สองวันต่อมาก็ขึ้นราคาเป็น ๕๐ เซ็นต์
นักวิชาการโบราณคดีมองแว๊บเดียวก็รู้ว่านี่มันของปลอมแน่ แถมนักธรณีวิทยาก็ช่วยเสริมว่ามันไม่มีเหตุผลเลยสักนิดที่จะไปขุดบ่อน้ำตรงที่ขุดพบยักษ์หิน นักชีววิทยาด้านพืชและสัตว์โบราณ โอทเนียล ซี มาร์ช ยืนยันว่ามันเป็นของปลอมแหง ๆ
แต่ถึงกระนั้น จอร์จ ฮัลล์ ก็ยังขายมันไปได้ในราคา ๒๓,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ (เขาลงทุนไปเพียว ๒,๖๐๐ เหรียญสหรัฐ ) ให้กับสมาคมของเดวิด ฮันนัม ซึ่งต่อมา พี ที บาร์นัมได้เสนอซื้อต่อในราคา ๕๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ แต่ทางสมาคมไม่ตกลง พี ที บาร์นัมเลยจ้างคนมาทำของเลียนแบบ โดยเอาแว๊กซ์มาทำแบบหล่อจากของจริงแล้วใช้ปูนพลาสเตอร์เทหล่อออกมา แล้วเขาก็โฆษณาว่าที่อยู่กับเขาเป็นของจริง แต่เจ้ายักษ์หินนั้นเป็นของปลอม ทำให้เดวิด ฮันนัม ฟ้อง พีที บาร์นัม
๑๐ ธันวาคม ค.ศ. ๑๘๖๙ จอร์จ ฮัลล์ ก็แถลงต่อสาธารณชนว่าเขาเป็นคนทำมันขึ้นมาเอง และในวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๑๘๗๐ เจ้ายักษ์ทั้งสองตัวก็ได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นของปลอม...
น่าเสียดายที่มันไม่ใช่ของจริง!
จอร์จ ฮัลล์ ผู้ที่ไม่ค่อยเชื่อในคริสต์ศาสนา นึกอยากจะล้อเลียนชาวคริสต์นิกายเมธอดิสต์ที่มักจะยกเอาประโยคจากคัมภีร์เก่าอย่างเช่น เจเนซีส ๖:๔ ที่เริ่มต้นว่า ครั้งหนึ่งโลกใบนี้เคยมียักษ์เดินไปมาในพิภพ เขาจึงจ้างคนงานในไอโอว่า แกะสลักยิบซั่มเป็นบล็อก ๑๐ ฟุต โดยบอกว่าจะทำเป็นรูปอนุสาวรีย์อับราฮัม ลินคอล์น แล้วส่งไปชิคาโก้ จ้าง เอ็ดเวิร์ด เบิร์คฮารด์ท ช่างตัดหินชาวเยอรมันเป็นคนแกะหินให้เป็นรูปคน โดยขอให้เก็บไว้เป็นความลับ
หลังจากใช้กรดและวัตถุอื่นๆ มาย้อมหินให้ดูเป็นของเก่าแก่มากประสบการณ์แล้ว ยังเอาพวกเหล็กที่ทำให้มีปุ่มแหลมๆ มาตีอีก เพื่อจะให้เป็นผิวสัมผัสคล้ายคลึงกับคน และในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. ๑๘๖๘ เขาก็ขนย้ายยักษ์หินไปที่ไร่ของวิลเลี่ยม เนเวลล์ ญาติของเขาเพื่อฝังกลมเอาไว้
และเกือบปีถัดมาวิลเลี่ยม เนเวลล์ จ้าง กีเดียน เอ็มมอนส์ และ เฮนนี่ นิโคลส์ ให้ขุดบ่อในไร่นั้น และในวันที่ ๑๖ ตุลาคม ค.ศ. ๑๘๖๙ ทั้งคู่ก็ต้องตะลึงเมื่อชุดพบซากของสิ่ง(ที่พวกเขาคิดว่า)มีชีวิต ซึ่งในตอนแรกพวกเขาคิดว่าได้พบซากศพของชาวอินเดียนแดงโบราณเข้าให้แล้ว
วิลเลี่ยม เนเวลล์ นำยักษ์หินมาเปิดให้คนทั่วไปชมโดยคิดราคาค่าชม ๒๕ เซ็นต์ สองวันต่อมาก็ขึ้นราคาเป็น ๕๐ เซ็นต์
นักวิชาการโบราณคดีมองแว๊บเดียวก็รู้ว่านี่มันของปลอมแน่ แถมนักธรณีวิทยาก็ช่วยเสริมว่ามันไม่มีเหตุผลเลยสักนิดที่จะไปขุดบ่อน้ำตรงที่ขุดพบยักษ์หิน นักชีววิทยาด้านพืชและสัตว์โบราณ โอทเนียล ซี มาร์ช ยืนยันว่ามันเป็นของปลอมแหง ๆ
แต่ถึงกระนั้น จอร์จ ฮัลล์ ก็ยังขายมันไปได้ในราคา ๒๓,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ (เขาลงทุนไปเพียว ๒,๖๐๐ เหรียญสหรัฐ ) ให้กับสมาคมของเดวิด ฮันนัม ซึ่งต่อมา พี ที บาร์นัมได้เสนอซื้อต่อในราคา ๕๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ แต่ทางสมาคมไม่ตกลง พี ที บาร์นัมเลยจ้างคนมาทำของเลียนแบบ โดยเอาแว๊กซ์มาทำแบบหล่อจากของจริงแล้วใช้ปูนพลาสเตอร์เทหล่อออกมา แล้วเขาก็โฆษณาว่าที่อยู่กับเขาเป็นของจริง แต่เจ้ายักษ์หินนั้นเป็นของปลอม ทำให้เดวิด ฮันนัม ฟ้อง พีที บาร์นัม
๑๐ ธันวาคม ค.ศ. ๑๘๖๙ จอร์จ ฮัลล์ ก็แถลงต่อสาธารณชนว่าเขาเป็นคนทำมันขึ้นมาเอง และในวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๑๘๗๐ เจ้ายักษ์ทั้งสองตัวก็ได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นของปลอม...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น